เพลงประจำจังหวัด

แผนที่จังหวัดยะลา






องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น









1.อำเภอเมือง













2.อำเภอเบตง





3.อำเภอบันนังสตา







4.อำเภอธารโต





5.อำเภอยะหา








6.อำเภอรามัน

















7.อำเภอกาบัง



8.อำเภอกรงปินัง








คำขวัญประจำจังหวัด




เกี่ยวกับจังหวัดยะลา


























ผู้บริหารจังหวัดยะลา



ประวัติความเป็นมา









อาณาจักรสมัยโบราณ



     อาณาจักรโบราณที่เกี่ยวข้อง ยะลาในอดีตคือส่วนหนึ่งของปัตตานี อาณาจักรโบราณที่เกี่ยวข้องกับเมืองปัตตานี คือ อาณาจักรลังกาสุกะ หรือลังกาซูก ซึ่งถือกันว่า เป็นอาณาจักรที่เก่าแก่ที่สุดบนแหลมมลายู อาณาจักรลังกาสุกะ

     พลโทดำเนิน เลขะกุล ได้กล่าวถึงลังกาสุกะไว้ดังนี้ "ในการค้นหาที่ตั้งของอาณาจักร ลังกาสุกะ นายปอล วีตลีย์ ได้ใช้บันทึกของผู้โดยสารเรือผ่านอาณาจักรนี้มากมายหลายเชื้อชาติ แต่ที่มากที่สุด และได้รายละเอียดมากที่สุดได้แก่ ชาวจีน เพราะชาวจีนได้บันทึกมาตั้งแต่ปลาย พุทธศตวรรษที่ 11 จนถึงที่มาต้วนหลิน ได้เขียนไว้ใน พ.ศ. 1443 แม้ว่าบันทึกเหล่านั้นได้เรียก ชื่อแปลก ๆ แต่ต่างกันไปมากมาย ตามเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา แต่ในที่สุดนายปอล วิตลีย์ ได้สรุปลงว่าแคว้นลังกาสุกะ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองกลันตันกับเมืองสงขลา และความเห็นนี้ก็ได้ ยอมรับกันในวงนักประวัติศาสตร์ทั่วไปแล้ว

     เรื่องราวของอาณาจักรลังกาสุกะนี้ มีปัญหามาก เริ่มตั้งแต่การตั้งอาณาจักร ศาสตราจารย์ ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงอ้างว่า จดหมายเหตุของจีนราชวงศ์เหลียง (พ.ศ. 1045 - 1099) กล่าวว่า อาณาจักรลังกาสุกะ ได้ตั้งมาก่อนหน้านี้แล้วตั้ง 400 ปี ซึ่ง หมายความว่าได้ตั้งขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 7 และกล่าวด้วยว่า อาณาจักรนี้มีอาณาเขตจรด ทั้งสองฝั่งทะเล คือ ด้านตะวันออกจดฝั่งอ่าวไทยบริเวณเมืองปัตตานี ด้านตะวันตกจดฝั่งอ่าว เบงกอลเหนือ เมืองไทรบุรี ในประเด็นหลังนั้น ศาสตราจารย์ฮอลล์เห็นด้วย ซ้ำยังกล่าว เพิ่มเติมว่า ก็เพราะอาณาจักรลังกาสุกะ มีอำนาจปกครองคร่อมอยู่ทั้งสองฝั่งทะเลเช่นนี้เอง จึงได้ทำหน้าที่ควบคุมเส้นทางเดินข้ามแหลมมลายู มาแต่โบราณ แต่ศาสตราจารย์ปอล วีตลีย์ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องแหลมมลายูโดยเฉพาะ มีความเห็นแตกต่างออกไป โดยกล่าวว่าจะเชื่อถือ เรื่องราวอันวิปริตจากตำนานไทรบุรี - ฮีกายัตมะโรงมหาวังศาไม่ได้ เพราะเป็นเทพนิยายที่แต่งขึ้น เมื่อชาวอินเดียได้เข้ามาถึง ในพุทธศตวรรษที่ 6 นี้เอง การที่เนื้อความของเทพนิยายนี้ชวนให้ คิดว่า อาณาจักรลังกาสุกะกับแคว้นไทรบุรีตั้งทับกันอยู่ และอาณาจักรลังกาสุกะมีอาณาเขต คร่อมทั้งสองฟากฝั่งทะเลนั้น จึงเชื่อไม่ได้ อาณาจักรลังกาสุกะตั้งอยู่บนฝั่งทะเลตะวันออก เท่านั้น นอกจากนั้นยังอ้างหลักฐานของเลียงซูว่า อาณาจักรลังกาสุกะได้ตั้งเมื่อปลายพุทธศตวรรษ ที่ 7 ทั้งยังกล่าวด้วยว่า ในขณะที่พระเจ้าฟันชิมันแห่งอาณาจักรฟูนันเข้าครองนั้น อาณาจักรนี้ ยังไม่มีชื่อ (อาจมี แต่เรียกอย่างอื่นก็ได้) ชื่อลังกาสุกะ อาณาจักรสำคัญที่เที่ยวแทรกอยู่ตาม บันทึกและหนังสือประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 7 จนถึงที่ 20 ก็ถูกกลบหายไปจาก แผนที่แหลมมลายู แม้ชื่ออาณาจักรลังกาสุกะจะถูกเลือนลืมไปแล้ว แต่บ้านเมืองและประชาชน ที่เป็นพื้นฐานของอาณาจักรนั้น มิได้ถูกกวาดทิ้งออกไปด้วย ยังคงอยู่เว้นแต่ชื่ออาณาจักรชื่อ เมืองต่าง ๆ เท่านั้นที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา


     นอกจากนี้ยังได้เขียนถึง เมืองปัตตานี ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาณาจักรลังกาสุกะไว้ดังนี้ "ตามชายฝั่ง แม่น้ำปัตตานี มีร่องรอยว่า เคยมีชุมชนโบราณตั้งเรียงรายกันอยู่หลายแห่ง เฉพาะที่เป็นแหล่ง ใหญ่ และค้นพบเศษโบราณวัตถุ และซากโบราณสถานมาก ๆ แสดงให้เห็นว่า เคยเป็นเมือง มาก่อนมีอยู่ 2 แห่ง คือ บริเวณบ้านเนียง - สนามบิน - วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) - เขากำปั่น ในจังหวัดยะลาแห่งหนึ่ง และบริเวณอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีอีกแห่งหนึ่ง... บริเวณอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ที่นั่นได้พบที่ตั้ง โบราณสถานอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ตั้งอยู่ห่างกัน 3 - 4 กิโลเมตร คือ ที่บ้านประแว กลุ่มหนึ่ง และที่บ้านวัด อีกกลุ่มหนึ่ง ที่บ้านประแวพบซากเมืองโบราณ ขนาดเล็ก มีกำแพงล้อมชั้นเดียว ชวนให้คิดเห็นว่าก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 ขึ้นไปอาจจะเป็น ศาสนสถาน เพราะมีเนินดิน เคยเป็นที่ตั้งอารามมาก่อน และพบเครื่องปั้นดินเผา ธรรมจักร และพระพุทธรูปซึ่งมีลวดลายและรูปทรงแบบศิลปทวารวดีของภาคกลาง (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16)มากมาย และยังได้พบเทวรูปพระโพธิสัตว์สัมฤทธิ์แบบศิลปศรีวิชัย ศิวลึงค์ของ ลัทธิฮินดูสมัยต่าง ๆ และใบเสมาสมัยอยุธยาบ้าง ซึ่งนับได้ว่าเป็นพุทธศาสนสถาน ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของภาคใต้ ส่วนบริเวณที่อยู่อาศัยของประชาชน ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณ บ้านวัด และน่าจะเป็นบ้านเมืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 11 - 12 น่าคิดว่า ชื่อ "บ้านวัด" นั้นเดิมทีคงจะเป็นวัดพุทธศาสนามาก่อน เพราะพบโคกดินสูง ๆ อยู่ทั่วสวนของชาวบ้าน (ถ้าจะมีการขุดค้นกันเป็นทางราชการ จะได้ทราบอะไร ๆ อีกมาก)


     ตามที่ได้พบหลักฐานทางโบราณคดีดังกล่าวนี้เอง ทำให้นักโบราณคดีและ นักประวัติศาสตร์จากอังกฤษ มาเลเซีย และสหรัฐ ที่เดินทางเข้ามาสำรวจต่างก็ให้ ความเห็นลงรอยเดียวกันว่า เมืองประแวนี้แหละ คือ เมืองลังกาสุกะที่ปรากฏใน จดหมายเหตุจีนพุทธศตวรรษที่ 11 - 12 และเอกสารช่วงในพุทธศตวรรษที่ 20 แล้วเงียบหาย ไปในพุทธศตวรรษที่ 21 คุณอนันต์ ผู้มีโอกาสเคยไปสำรวจตำบลต่างๆ ห่างไกลออกไปมาก่อน ได้ให้ความเห็นว่า เมืองประแวนี้เป็นเมืองปัตตานีเก่าที่ย้ายมาเป็นแห่งที่ 3 นับจากบริเวณ สนามบิน - วัดคูหาภิมุข ไปอยู่ที่อำเภอรือเสาะ แล้วจึงย้ายเมือง (ศูนย์การปกครอง) มาที่เมืองประแว...)


     สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ. 2529 ได้บันทึกเรื่องราวความเป็นมาของปัตตานีไว้ดังนี้ ในท้องที่ปัตตานีปัจจุบัน มนุษย์ได้เคลื่อนย้ายเข้าไปอาศัยตั้งถิ่นฐานมานานนับปี จากการสำรวจ ทางโบราณคดีเบื้องต้น ได้พบร่องรอยของชุมชนโบราณในปัตตานีที่ อำเภอยะรัง รู้จักกันโดย ทั่วไปในภาษาท้องถิ่นว่า "เมืองประแว" ซึ่งเชื่อกันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า "พระวัง" หรือ "พระราชวัง" หรือตรงกับภาษามลายูโบราณว่า "โกตามะลิฆา" หรือ "โกตา ม้ะฮ์ลิฆา" และปรากฏในเอกสารของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเอกสานจีน อาหรับและชวา ตราสำเนียง ท้องถิ่นว่า "ลังกาสุกะ" เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง อยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 10 - 18 ตามข้อ สันนิษฐานของประทุมชุ่มเพ็งพันธ์ เชื่อว่า "...ลังกาสุกะ มีอาณาเขตกว้างขวาง มีกำลังอำนาจ เทียบได้กับอาณาจักรขนาดย่อมแห่งหนึ่งทีเดียว เพราะหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบ ยืนยันในข้อนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ตอนที่เมืองลังกาสุกะเจริญสูงสุด มีอาณาเขตปกครองจากไหนถึงไหน ทราบเพียงว่าภายหลังเสื่อมอำนาจ ถูกอาณาจักรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) ผนวกไว้เป็นดินแดนเดียวกัน ถ้าพิจารณาจากจดหมายเหตุอาหรับ และจีน ทำให้ทราบคร่าว ๆ ว่าเมืองลังกาสุกะเป็นเมืองใหญ่ อาณาเขตด้านทิศเหนือติดต่อเมืองสงขลา และเมืองพัทลุง อาณาเขตด้านทิศใต้แผ่ไปสุดแหลมมลายู ทางด้านตะวันออกจดอ่าวไทย ทางด้านตะวันตกจดฝั่งทะเลตะวันตกในทะเลอันดามัน ..." เมืองไทรบุรีโบราณจึงรวมอยู่ใน อาณาจักรลังกาสุกะ ในตำนานพื้นเมืองของปัตตานี กล่าวว่าผู้สร้างเมืองพระวัง หรือ โกตา ม้ะฮ์ลิฆา คือ เสียม อัสลี ตามร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน เมืองนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ โบราณสถาน ในเมืองปรักหักพังหมด เหลือแต่เฉพาะกองอิฐ ซึ่งเชื่อกันว่า เคยเป็นเจดีย์ อุโบสถ วิหาร และเทวาลัย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 16 แห่ง และสระน้ำขนาดใหญ่อีก 3 แห่ง ศิลปวัตถุของ เมืองนี้จึงกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ กัน มีหลายอย่างด้วยกันคือ พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี พระโพธิสัตว์สัมฤทธิ์ ศิวลึงค์ เสมาธรรมจักร เครื่องถ้วยชามจีน เครื่องปั้นดินเผา เงินเหรียญชวา และเงินเหรียญอาหรับ เป็นต้น จากหลักฐานเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า เมืองลังกาสุกะเป็นเมืองที่ประชาชนนับถือพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน และศาสนาฮินดู ส่วนชาวเมืองนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชนชาติใด ตามความเห็นของผู้บันทึกประวัติศาสตร์ปัตตานีคนหนึ่ง คือ อิบรอฮิม ชุกรี เชื่อว่าดินแดน ปัตตานี เป็นที่อยู่ของชาวสยามมาก่อนที่ชาวมาเลย์จะอพยพนำเอาศาสนาอิสลามเข้ามา ตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ในรัชสมัย พระเจ้าศรีวังสา กษัตริย์ซึ่งนับถือพุทธศาสนาองค์สุดท้ายของอาณาจักร ลังกาสุกะ ปกครองเมืองพระวังตอนปลายพุทธศตวรรษที่ 21 มีชาวมลายูเดินทางมาปลายแหลม มลายู และสุมาตรา มาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลของเมืองพระวัง จนในที่สุด ชุมชนของชาวมลายูค่อย ๆ เจริญขึ้นเพราะสามารถติดต่อกับพ่อค้าต่างชาติได้สะดวก แตกต่างไปจากเมืองพระวัง ซึ่งอยู่ห่างทะเลเข้าไปหลายสิบกิโลเมตร ค่อยๆ เสื่อมโทรมลงไป เพราะชาวเมืองได้อพยพไปอยู่ที่อื่น ชุมชนของชาวมลายูนี้ ต่อมาได้พัฒนากลายเป็น "เมืองปัตตานี" ปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางปกครองท้องถิ่น แทนเมืองพระวัง ซึ่งค่อย ๆ เสื่อมสลายไปโดยไม่ทราบ สาเหตุชัดเจน นอกจากจะอยู่ห่างไกลทะเล และเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู แต่เมืองปัตตานีกลับอยู่ใกล้ทะเลและเป็นศูนย์กลางของศาสนาอิสลาม


     พลโทกิตติ รัตนฉายา ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของจังหวัดปัตตานีว่า ตามหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าได้ตั้งขึ้นเมื่อไร แต่ตามจดหมายเหตุของจีน ตอนที่ชาวจีนมีการติดต่อกับดินแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในคริสศตวรรษที่ 2 นั้น เมืองลังกาสุกะตั้งขึ้นแล้ว จากจดหมายเหตุนี้ นักเรียนชาวยุโรปหลายคนเชื่อว่า เมืองลังกาสุกะ ดังกล่าวเป็นเมืองเดิมของปัตตานี นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ชาวลังกาสุกะนับถือ ศาสนาฮินดู หรือพราหมณ์ ภายใต้อิทธิพลของอารยธรรมอินเดีย หลักฐานจากโบราณวัตถุ สถานที่บริเวณเมืองโบราณ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พบพระพุทธรูปสมัยคุปตะ เจดีย์ ดินเผามีลวดลายแบบคุปตะ (หรือทวาราวดี) แสดงว่าชาวลังกาสุกะนับถือศาสนาฮินดูและพุทธ (ศิวพุทธ) ด้วยและลังกาสุกะเป็นเมืองท่าที่สำคัญตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 8 เพราะว่าอ่าวลังกาสุกะ (อ่าวปัตตานี) ใช้เป็นที่หลบภัยพายุมรสุมของชาวเรือค้าขายได้เป็นอย่างดี ต่อมาอาณาจักรศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 12 - 18) ได้แผ่อาณาจักรครอบคลุมบริเวณปัตตานี แหลมมลายู บางส่วนของ บอร์เนียว ชวา และสุมาตรา อิทธิพลของพุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองมากในบริเวณนี้ ดังนั้นชาวปัตตานีจึงมีการนับถือศาสนาพุทธกันโดยทั่วไป ศาสนาอิสลามเข้าสู่ปัตตานีโดยอิทธิพล ของมะละกา สมัยมูซัฟฟาร์ ราว พ.ศ. 2002 ประวัติเมืองปัตตานีฉบับภาษามลายู (อักษรยาวี) ระบุว่ากษัตริย์เมืองตานีชื่อ ศรีอินทรา เป็นผู้เข้ารีตองค์แรก สอดคล้องกับประวัติศาสตร์เมือง มะละกา ปัตตานีหรือเมืองตานีตั้งขึ้น หลังจากเมืองลังกาสุกะสลายตัว ราวพุทธศตวรรษที่ 18 - 19"